วารีบำบัด รักษาอาการปวดศรีษะ ปวดหัวข้างเดียว ไมเกรน ด้วยวารีบำบัด
การรักษาอาการปวดหัว เราต้องรักษาที่สาเหตุที่เป็นถึงจะถูกต้อง การรักษาอาการปวดหัวด้วยวารีบำบัด จะเป็นการบรรเทาอาการ ให้หายปวดหัวได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งยา ให้ต้องเสี่ยงกับผลข้างเคียง การปวดหัวที่มักเป็นเป็นกัน ส่วนใหญ่เป็นอาการของการปวดหัวแบบไมเกรน
การปวดศรีษะแบบไมเกรน
สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด ทราบว่าไม่มีความผิดปกติของโครงสร้างทางกาย (รวมทั้งสมอง) คาดว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมอง ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดและกลไกทางประสาทภายในสมองและบริเวณใบหน้า หลอดเลือดภายในกะโหลกศีรษะหดตัว ในขณะที่หลอดเลือดภายนอกกะโหลกศีรษะ (เช่น ที่ขมับ) พองตัว และประสาทไวต่อสิ่งกระตุ้นจนทำให้เกิดอาการปวดศีรษะโรคไมเกรนอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรม พบว่าประมาณร้อยละ 70 ของผู้ป่วยมีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นไมเกรนด้วย
อาการปวดศีรษะไมเกรน
- ปวดศีรษะมักจะปวดข้างเดียว อาจจะสลับซ้ายขวาได้ ลักษณะปวดเป็นแบบตุบ ๆ น้อยรายที่จะปวดพร้อมกันสองข้าง- ปวดศีรษะมากจนทำงานไม่ได้ บางคนปวดจนน้ำตาไหล
- การเคลื่อนศีรษะอาจทำให้ปวดมากขึ้น
- หลังปวดศีรษะอาจมีอาการคลื่นไส้ จนถึงอาเจียน
- ส่วนใหญ่ปวดนาน 4-72 ชั่วโมง
- โดยมากจะมีสิ่งที่กระตุ้นทำให้ปวดศีรษะได้แก่ แสงจ้า เย็นหรือร้อนจัด เสียงดัง
- มักเป็นในผู้ที่อายุยังน้อย
การรักษาอาการปวดหัว และไมเกรน ด้วยวารีบำบัด
1. นอนในห้องที่มืดและเงียบ หลีกเลี่ยงการออกกำลัง เพื่อป้องกันสิ่งกระตุ้นไมเกรน และควรดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อให้ไตระบาย2. ใช้ผ้าเย็นจัด หรือห่อน้ำแข็งประคบ หน้าผาก หรือบนศรีษะ และวางผ้าร้อนบริเวณท้ายทอยและต้นคอ
3. ใช้ผ้าเช็ดตัวชนิดขนยาว ชุบน้ำเย็นให้ชุ่มวางประคบที่ท้องน้อย
4. แช่มือในถังน้ำเย็นจัด (ใส่น้ำแข็ง) โดยให้แช่มือทั้งสองข้าง 2-3 นาที แล้วยกออกพัก 1 นาที ทำซ้ำอย่างน้อย 4 รอบ หรือจนกว่าอาการปวดหัวจะทุเลา
5. นั่งแช่เท้าในน้ำอุ่นจัด จะช่วยลดเลือดที่คั่งบริเวณศรีษะได้ดี
6. ฉีดน้ำใส่ฝ่าเท้า ใช้สายยางต่อหัวพ่น ปรับให้เป็นฝอยนิดๆ ปรับแรงดันให้สุด ฉีดไล่ให้ทั่วฝ่าเท้า ประมาณ 2-3 นาที
7. นวดกดจุดเส้นเลือดใหญ่แคโรทิด (carotid) ตำแหน่งของเส้นเลือดนี้จะอยู่ข้างหน้าข้างลำคือทั้งสองด้าน ถ้ากดถูกจะรู้สึกถึงการเต้นของชีพจร ให้นวดโดยใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้นวดไล่จากบนลงล่างพร้อมกัน จากกระดูกขากรรไกรลงมาถึงฐานของลำคอ ถ้าจะให้ดีควรมีน้ำมันทาก่อนเพื่อลดการเสียดสี
8. ปิดท้ายผ่อนคลายด้วยการนวดลำคอ ,ไหล่ ,หน้าอกบริเวณช่วงปลายลิ้นปี่ และท้องน้อย
จดไว้ : ผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะ หากมีอาการปวดอย่างฉับพลัน มีอาการ อาเจียน มีไข้ คอแข็ง แขนขาชา อ่อนแรง และตามองไม่เห็น นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหัวเรื้อรัง เช่น ทานยาแก้ปวดมานานเป็นเวลาเกิน 3 เดือน แต่อาการยังไม่หายขาด หรือในรายที่อาการปวดหัวไม่หายหลังจากทานยาแก้ปวดธรรมดามา 2 – 3 ครั้งหรือพบแพทย์ทั่วไปมาแล้ว 2 – 3 หน แต่อาการไม่ทุเลา ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียด ซึ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณอันตราย เตือนให้รู้ตัวล่วงหน้าว่าไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะการไปพบแพทย์ล่าช้า อาจมีผลต่อการรักษา