ธรรมะ ก้าวเข้าสู่ความว่างอย่างแท้จริง
บางคนอาจตั้งคำถามอยู่ในใจว่าแค่สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน หรือทำจิตให้สงบในขณะใดขณะหนึ่งทุกวันแค่นี้เหรอความว่างก็เกิด ง่ายไปรึเปล่า หรือบางคนอาจคิดว่ายากไปรึเปล่า อันที่จริงหลักๆแล้วจิตหรือใจของเรานี่แหละเป็นหลักเลย แต่เพื่อให้แนวทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมเกิดขึ้นอย่างเข้าใจ ข้าพเจ้าจะใช้เทียนซึ่งมีอยู่โดยทั่วไปมาเปรียบเทียบให้เกิดรูปธรรม เมื่อทุกคนเริ่มที่จะตั้งใจจุดเทียนบางคนก็จุดได้ไฟติดตั้งแต่ครั้งแรกบางคน ต้องจุดไม้ขีด 2 ครั้ง 3ครั้ง หรือจุดไฟแช็คหลายรอบไฟถึงติดที่เทียน หรือบางทีจุดติดแล้วเร็วด้วยแต่สักพักพอลมพัดมาก็ดับไปเลย นี่เป็นหลักธรรมชาติโดยทั่วไปมีเกิดก็มีดับ เช่นกันก่อนที่เทียนจะดับนั้นเราต้องเริ่มจุดก่อน เมื่อจิตมุ่งมั่นที่จะไม่อยากเวียนว่ายตายเกิดหรือต้องการมีชีวิตที่เป็นสุข แล้ว การเริ่มต้นจุดเทียนเป็นแนวคิดอย่างหนึ่งที่ทำให้เข้าใจได้ง่ายการปฏิบัติ มุ่งสู่ความว่างอย่างแท้จริงเช่นกัน เมื่อเริ่มต้นจุดเทียนแล้วแต่ละคนกว่าจะพร้อมใจหนักแน่นก็ต้องมีติดๆดับๆ เป็นธรรมดา เมื่อไฟแห่งเทียนติดแล้วแสงสว่างก็เกิดตอนนี้แหละให้เรามองดูที่เปลวเทียน นิ่งไหม บางคนก็ตอบว่านิ่ง บางคนก็ตอบว่าไม่นิ่ง ที่จริงแล้วเปลวเทียนไม่นิ่งจะแกว่งไปตามกระแสลมที่พัดมา
ฉะนั้นใจคนเราเช่นกันเมื่อเริ่มฝึกให้เห็นความว่างจะต้องหนักแน่น เพราะเราฝึกในสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบัน สังคมมีผู้คนมากมาย อยู่ในครัวเรือน มิได้เข้าป่าหลีกหนีผู้คนเมื่อมีคนมาพูดถากถางหรือทำให้สั่นไหวก็เหมือนกับ เปลวเทียนที่กำลังลุกโชนร้อนแรง หรือสั่นไหวไปตามกระแสลม บางครั้งดับวูบก็มี บางท่านอาจคิดว่าจะทำอย่างไรละในเมื่อเราควบคุมกระแสลมไม่ได้ว่าจะแรงจะเบา นี่แหละเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้จะเป็นบททดสอบที่ดี เยี่ยมเพราะเรามิได้เตรียมการณ์ไว้ก่อน ข้าพเจ้าจึงอยากให้ทุกคนที่กำลังปฏิบัติได้มองรอบข้างให้ดีผลที่จะมากระทบ เรารอบข้างเพื่อมิให้หวั่นไหวในช่วงปฏิบัติ เมื่อเรารู้แล้วจะมีอะไรมากระทบจิตก็มิสั่นไหว ใจของเราควบคุมได้แต่เปลวเทียนเป็นวัตถุสิ่งของที่ควบคุมตนเองไม่ได้ มีแต่เราที่สามารถควบคุมให้เขาได้ นั่นคือเราควบคุมสภาวะแวดล้อมของเปลวเทียนไม่ให้ดับได้ เช่นนำไปอยู่ในที่ที่กระแสลมไม่แรง ตั้งไว้ในที่ที่คิดว่าเหมาะสม เป็นต้น นั่นแหละคือสิ่งที่เราควบคุมได้ จิตใจที่จะเข้าสู่ความว่างเช่นกันเราควบคุมได้แม้มีสิ่งที่มากระทบรุนแรงแค่ ไหนความว่างก็จะมิหายไป เมื่อเราควบคุมสภาพแวดล้อมไม่ให้เทียนดับ สามารถลุกโชนได้แล้ว ตอนนี้ก็เปรียบเสมือนเรากำลังฝึกจิตให้เกิดความว่างโดยราบเรียบสม่ำเสมอ สว่างไสวอยู่ดังแสงเทียน เมื่อถึงระดับหนึ่งแล้วยากที่จะทำให้เทียนดับโดยง่ายเมื่อเราควบคุมรู้ที่ ตั้งอย่างรอบคอบแล้ว ให้พิจารณาไปอย่าหวั่นไหวจิตเข้าสู่กระแสแห่งธรรมได้เพราะใจที่เต็มเปี่ยมไป ด้วยความดีและมีเมตตา แสงเทียนที่กำลังลุกโชนต่อหน้าเราเมื่อมองเข้าไปดีๆจะเห็นว่ามีแสงรอบๆเปลว เทียนสว่างไสวคล้ายๆรัศมีที่พุ่งออกมาจากรอบศีรษะของพระโพธิสัตว์และพระ พุทธเจ้า ที่มีแสงรัศมีเมื่อดวงตาเห็นธรรมก็จะเห็นแสงสว่างเช่นนั้นแล...
แสงสว่างรอบเทียนที่เปล่งประกายออกมาเมื่อเทียนสว่างไสวเปรียบเช่นการ ปฏิบัติและพิจารณาถึงความว่างได้ว่าเมื่อทุกคนเข้าสู่กระแสแห่งธรรม จิตพร้อมแล้ว มองเห็นความว่างอย่างแท้จริงแล้ว ก็พร้อมที่จะนำแสงสว่างไปสู่มวลชน บุคคลอื่นได้รับความสว่างตาม ดังเช่นแสงเทียนที่คอยนำทางอันมืดมิดให้กลับสู่ความสว่าง หาหนทางกลับสู่บ้านเจอ เช่นกันเมื่อพบความสว่างในตนแล้วอย่าได้ดับมันลงจงไขว่คว้าและเพิ่มพูนรัศมี รอบกายให้เปล่งประกายจนกว่า จะเข้าสู่สภาวะหลุดพ้นหรือจนกว่าเปลวเทียนจะดับลง
